ประวัติหลวงตาม้าพอสังเขปเท่าที่จำได้นะครับ
เมี่อประมาณปี 2520 ข้าพเจ้าได้เข้าทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ถนนสีลมและได้ทำงานร่วมกับท่าน
สมัยท่านยังเป็นฆารวาส ท่านมีนามว่า “วรงคต นามสกุล สุวรรณคุณ" ท่านเป็นบุคคลที่มีอุปนิสัยดี เรียบร้อยเป็นมิตรกับผู้ร่วมงานทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด สมัยทำงานก็เหมือนกับพนักงานทั่วๆ ไปคือมีการสังสรรค์กันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ ของพนักงาน อาจจะหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่สถานะการ แต่ตัวผมเองหนักตลอดเวลา ขอโทษออกนอกเรื่องนิดหน่อย เรื่องของเรี่องที่หลวงตาท่าน จะด้วยบุญบารมีของท่านที่นำพาท่านให้ได้พบ และปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ดู่ โดยมีเพื่อนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้นำพา และชักนำมากราบหลวงปู่ที่วัดสะแก สมัยนั้นก็อย่างว่าแหละครับ (เรื่องสุรา) เมื่อท่านได้ไปกราบหลวงปู่ ครั้งแรกหลวงปู่ ท่านให้หลวงตาท่านอาราธนาศีล หลวงตาท่านก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า กระผมยังดื่มสุรา และถ้าออกจากวัดคงจะไปดื่มอีก หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาต่อหลวงตา ท่านจึงกล่าว บอกกับหลวงตาว่า ตอนนี้แกยังไม่ดื่มก็ยังมีศีลอยู่ ถ้าแกออกไปนอกวัดก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และท่านก็ขอให้หลวงตาท่านปฏิบัติภาวนาวันละ 5 นาที ซึ่งหลวงตา ท่านก็รับคำของหลวงปู่ด้วยความที่ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด จากวันละ 5 นาที ที่ท่านตกปากรับคำกับหลวงปู่ ท่านเริ่มปฏิบัติภาวนาสวดมนต์จากวัน ละ 5 นาที เป็นเวลานานขึ้นนานขึ้น
จนปัจจุบันท่านได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเจริญรอยตามหลวงปู่ดู่ซึ่ง เป็นเปรียบเสมือน "พ่อ แม่ ครูอาจารย์" ของท่านสืบมา จนปัจจุบันนี้
หมายเหตุข้อความบางตอน ผมได้นำมากล่าวนี้บางส่วนได้คัดลอกมาจากหนังสือที่ "อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์" ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่ดู่อีกท่านหนึ่ง
ผมขอกราบคารวะ ท่านด้วยความเคารพ
เรี่องที่ได้เล่าให้ฟังนี้อาจจะ มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องต้องขอกราบขอโทษ และถ้ามีตอนใด ตอนหนึ่งซึ่งไปกระทบหลวงตาท่าน ผมขอการ โยโธโสฯ ท่านครับ ขอกล่าวเพิ่มเติม
เมื่อครั้งหลวงตาท่านได้รับคำกับหลวงปู่ แล้วท่านนำมาปฏิบัติและเรียนรู้เพิ่มเติม
กับหลวงปู่ อีกเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อท่านมีเวลาว่างหรือวันหยุด ท่านจะรีบเดินทาง ไปกราบหลวงปู่ และศึกษาหาความรู้จากหลวงปู่ทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ภาวนาแล้ว ฝึนจิตใจ จนกล่าวได้ว่า ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากหลวงปู่มาเป็นเวลาอันยาวนานมาก ขนาดยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหน้าที่ การงานที่ท่านกำลังรุ่งเรือง และทรัพย์สินอันมีค่าทุกอย่าง
เพื่อท่านจะได้ละเพศฆราวาส เพื่อศึกษาพระธรรม และเจริญรอยตามคำสอนของหลวงปู่ ซึ่งมีเมตตาอบรมสั่งสอนศิยษ์ผู้นี้ คือหลวงตาม้า
กระผมและเหล่าบรรดาเพี่อนๆ ที่เคยได้ร่วมงานกันมา มิเคยสงสัยหรือผิดหวังในตัวท่าน เพราะพวกเราต่างทราบกันดี ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ มีความเพียรปฏิบัติ และจริยวัตรงดงามมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ และบุคคลทั่วๆ ไปกระผมขอกราบแทบเท้า ท่านด้วยความปิติยินดี และยกให้ท่านแทนพ่อแม่ ครูอาจาย์สืบทอดคำสอนของ
หลวงปู่ดู่ "พรหมปัญโญ" สาธุครับ
สรุปคำสอนของหลวงปู่ดู่โดย อาจารย์ ศุภรัตน์แสงจันทร์
ท่านเคยพูดถึงการสมาทานศีลว่าได้ทั้ง5และจะลดลงเมื่อละเมิด ถ้าตายในขณะนับศีลหรือยังไม่ทันละเมิดย่อมมีอานิสงส์ดีกว่าไม่มีศีล ชึ่งอาจเกิดจากรับศีลจากพระหรือตั้งใจรักษาเอง แต่ผู้ปฏิบัติได้มโนยิมธิขอรับจากพระพุทธองค์บอกหรือหลวงปู่ทวดก็ได้
เรื่อง ไตรรัตน์ เรียบเรียง Tj
สมัยท่านยังเป็นฆารวาส ท่านมีนามว่า “วรงคต นามสกุล สุวรรณคุณ" ท่านเป็นบุคคลที่มีอุปนิสัยดี เรียบร้อยเป็นมิตรกับผู้ร่วมงานทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด สมัยทำงานก็เหมือนกับพนักงานทั่วๆ ไปคือมีการสังสรรค์กันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปรกติ ของพนักงาน อาจจะหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่สถานะการ แต่ตัวผมเองหนักตลอดเวลา ขอโทษออกนอกเรื่องนิดหน่อย เรื่องของเรี่องที่หลวงตาท่าน จะด้วยบุญบารมีของท่านที่นำพาท่านให้ได้พบ และปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ดู่ โดยมีเพื่อนซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้นำพา และชักนำมากราบหลวงปู่ที่วัดสะแก สมัยนั้นก็อย่างว่าแหละครับ (เรื่องสุรา) เมื่อท่านได้ไปกราบหลวงปู่ ครั้งแรกหลวงปู่ ท่านให้หลวงตาท่านอาราธนาศีล หลวงตาท่านก็กราบเรียนหลวงปู่ว่า กระผมยังดื่มสุรา และถ้าออกจากวัดคงจะไปดื่มอีก หลวงปู่ท่านมีจิตเมตตาต่อหลวงตา ท่านจึงกล่าว บอกกับหลวงตาว่า ตอนนี้แกยังไม่ดื่มก็ยังมีศีลอยู่ ถ้าแกออกไปนอกวัดก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และท่านก็ขอให้หลวงตาท่านปฏิบัติภาวนาวันละ 5 นาที ซึ่งหลวงตา ท่านก็รับคำของหลวงปู่ด้วยความที่ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง และรักษาคำพูดเป็นที่สุด จากวันละ 5 นาที ที่ท่านตกปากรับคำกับหลวงปู่ ท่านเริ่มปฏิบัติภาวนาสวดมนต์จากวัน ละ 5 นาที เป็นเวลานานขึ้นนานขึ้น
จนปัจจุบันท่านได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเจริญรอยตามหลวงปู่ดู่ซึ่ง เป็นเปรียบเสมือน "พ่อ แม่ ครูอาจารย์" ของท่านสืบมา จนปัจจุบันนี้
หมายเหตุข้อความบางตอน ผมได้นำมากล่าวนี้บางส่วนได้คัดลอกมาจากหนังสือที่ "อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์" ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่ดู่อีกท่านหนึ่ง
ผมขอกราบคารวะ ท่านด้วยความเคารพ
เรี่องที่ได้เล่าให้ฟังนี้อาจจะ มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องต้องขอกราบขอโทษ และถ้ามีตอนใด ตอนหนึ่งซึ่งไปกระทบหลวงตาท่าน ผมขอการ โยโธโสฯ ท่านครับ ขอกล่าวเพิ่มเติม
เมื่อครั้งหลวงตาท่านได้รับคำกับหลวงปู่ แล้วท่านนำมาปฏิบัติและเรียนรู้เพิ่มเติม
กับหลวงปู่ อีกเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อท่านมีเวลาว่างหรือวันหยุด ท่านจะรีบเดินทาง ไปกราบหลวงปู่ และศึกษาหาความรู้จากหลวงปู่ทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ภาวนาแล้ว ฝึนจิตใจ จนกล่าวได้ว่า ท่านเป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอน จากหลวงปู่มาเป็นเวลาอันยาวนานมาก ขนาดยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหน้าที่ การงานที่ท่านกำลังรุ่งเรือง และทรัพย์สินอันมีค่าทุกอย่าง
เพื่อท่านจะได้ละเพศฆราวาส เพื่อศึกษาพระธรรม และเจริญรอยตามคำสอนของหลวงปู่ ซึ่งมีเมตตาอบรมสั่งสอนศิยษ์ผู้นี้ คือหลวงตาม้า
กระผมและเหล่าบรรดาเพี่อนๆ ที่เคยได้ร่วมงานกันมา มิเคยสงสัยหรือผิดหวังในตัวท่าน เพราะพวกเราต่างทราบกันดี ว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ มีความเพียรปฏิบัติ และจริยวัตรงดงามมีความเมตตาต่อลูกศิษย์ และบุคคลทั่วๆ ไปกระผมขอกราบแทบเท้า ท่านด้วยความปิติยินดี และยกให้ท่านแทนพ่อแม่ ครูอาจาย์สืบทอดคำสอนของ
หลวงปู่ดู่ "พรหมปัญโญ" สาธุครับ
สรุปคำสอนของหลวงปู่ดู่โดย อาจารย์ ศุภรัตน์แสงจันทร์
ท่านเคยพูดถึงการสมาทานศีลว่าได้ทั้ง5และจะลดลงเมื่อละเมิด ถ้าตายในขณะนับศีลหรือยังไม่ทันละเมิดย่อมมีอานิสงส์ดีกว่าไม่มีศีล ชึ่งอาจเกิดจากรับศีลจากพระหรือตั้งใจรักษาเอง แต่ผู้ปฏิบัติได้มโนยิมธิขอรับจากพระพุทธองค์บอกหรือหลวงปู่ทวดก็ได้
เรื่อง ไตรรัตน์ เรียบเรียง Tj

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น